น้ำมันเครื่องแต่ละชนิด แตกต่างกันและแยกการใช้งานอย่างไรมาหาคำตอบกัน

รู้ไว้ใช่ว่า ความแตกต่างของ น้ำมันเครื่องแต่ละชนิด กลไกการทำงานของยานพาหนะคู่ใจของเรานั้น ต่างก็มีการทำงานคล้ายคลึงกัน โดยทุกส่วนประกอบนั้นล้วนแล้วแต่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ ล้อรถ ระบบเบรก ระบบเกียร์ ทุกอย่างล้วนต้องทำงานให้สัมพันธ์กัน การใช้งานจึงจะเป็นไปได้อย่างปลอดภัย หนึ่งในกลไกการทำงานของรถเรานั้น คือ น้ำมันเครื่องที่แม้จะไม่ใช่เชื้อเพลิงหลัก แต่ก็มีส่วนสำคัญที่ทำงานในการหล่อลื่นผิวชิ้นส่วนการทำงานภายในเครื่องยนต์ ลดการเสียดสี สึกหรอของชิ้นส่วนโลหะของเครื่องยนต์ คล้ายกับฟิล์มที่เคลือบผิวให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ในเรื่องการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ ลดการเกิดคราบเขม่า รวมไปถึงการกัดกร่อนของสนิมและกรดต่างๆ ภายในเครื่องยนต์ด้วย

รู้ไว้ใช่ว่า ความแตกต่างของ น้ำมันเครื่องแต่ละชนิด แบบไหนเหมาะกับรถคุณ

สำหรับผู้ที่ไม่อยากพลาดเคล็ดลับการดูแลรถยนต์ดีๆแบบนี้อย่าลืมติดตาม siambmw.com เว็บไซต์ของคนรักรถ และสำหรับผู้ที่อยากมีรายได้พิเศษเราแนะนะนี่เลย slot777 แหล่งรวมเกมสล็อตแจ็คพอตแตกง่ายเล่นได้ถอนได้ไม่มีอั้น

• 
  การดูแลรถยนต์ในช่วงหน้าฝน มีอะไรที่เราต้องระวัง เพื่อความปลอดภัย
• 
  รถยนต์มือสอง เป็นรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ซึ่งหลายคนที่อยากจะซื้อรถ
• 
  รถยนต์มือสอง ราคาถูก สภาพดี มีข้อดีอย่างไรบ้าง ห้ามพลาดเด็ดขาด

แต่คุณจะทราบได้อย่างไรว่ารถที่เราใช้งานกันอยู่เป็นประจำนั้น เหมาะที่จะใช้งานกับน้ำมันเครื่องในประเภทไหน โดยน้ำมันเครื่องสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

1. น้ำมันเครื่องธรรมดา 

เป็นน้ำมันเครื่องที่ผลิตมาจากน้ำมันแร่ เหมาะสำหรับรถที่วิ่งมาในระยะเกิน 5,000 กิโลเมตรแต่ไม่กิน 7,000 กิโลเมตร สามารถเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องชนิดนี้ได้ 

2. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic) 

เป็นน้ำมันเครื่องที่ผลิตมาจากน้ำมันแร่ผสมกับน้ำมันสังเคราะห์พื้นฐาน เหมาะกับรถที่วิ่งมาในระยะ 5,000-7,000 กิโลเมตร แต่ไม่ควรเกิน 10,000 กิโลเมตร โดยมีอายุการใช้งานแบบกลางๆ อีกทั้งยังเป็นน้ำมันเครื่องที่มักจะนิยมใช้กันมากที่สุดภายในประเทศ เพราะด้วยราคาอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่สูงและไม่ต่ำเกินไป มีประสิทธิภาพการใช้งานดีพอสมควร ซึ่งหลายครอบครัวจึงมักจะเลือกใช้น้ำมันเครื่องประเภทนี้ ในส่วนอัตราการผสมนั้นไม่มีตายตัว เพราะประเทศไทยเองก็ไม่ได้มีกฏหมายหรือข้อบังคับในอัตราส่วนของการผสมด้วย

3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Fully Synthetic)

เป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ล้วนที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูงกลั่นออกมา มีความหนืดที่ทำงานได้ดีทุกช่วงอุณหภูมิของการทำงานเครื่องยนต์ และยังสามารถยืดอายุการใช้งานทำให้ไม่ต้องเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องภายในรถอยู่บ่อยครั้ง โดยระยะเปลี่ยนถ่ายจะเหมาะกับรถที่วิ่งมา 10,000-15,000 กิโลเมตรหรืออาจจะได้สูงสุดถึง 20,000 กิโลเมตร อัตราการระเหยต่ำทำให้ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ได้ดี แม้จะมีราคาค่อนข้างสูงแต่ถ้าหากเป็นรถที่มีราคาแพง หรือต้องการการดูแลเป็นพิเศษก็ย่อมคุ้มค่าต่อการใช้งานแน่นอน

การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องจึงเป็นอีกหนึ่งที่ควรหมั่นตรวจสอบอยู่อย่างเป็นประจำ โดยน้ำมันเครื่องสามารถตรวจเช็คดูได้จากการเครื่องยนต์ที่อยู่ด้านหน้าฝากระโปรงรถ น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพดีจะยิ่งหนืดและใส ส่งผลให้เครื่องยนต์จะยิ่งมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และมีสภาพการทำงานเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์อีกด้วย